การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเวทีการประชุมระดับสูงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เวทีการประชุมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การพบปะของผู้นำประเทศต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับอิทธิพลของสองมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน
และในบรรดาผู้นำจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ผู้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากก็คือ นาย Võ Văn Thưởng ประธานาธิบดีของเวียดนาม
นาย Võ Văn Thưởng เป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้านและมีบทบาทสำคัญในเวทีการเมืองของเวียดนามมาหลายปี เขาเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากที่นาย Nguyễn Phú Trọng ประธานาธิบดีคนก่อนได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ความน่าสนใจของนาย Võ Văn Thưởng อยู่ที่การนำเสนอแนวทางการทูตที่เป็นกลางและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและจำเป็นในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจ
นาย Võ Văn Thưởng และรัฐบาลเวียดนามภายใต้การนำของเขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งถือเป็นสองประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาค
ในแง่หนึ่ง เวียดนามยังคงต้องการการสนับสนุนทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันเวียดนามก็ยังพึ่งพาความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนจากจีนอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ การนำเสนอแนวทางการทูตที่เป็นกลางของนาย Võ Văn Thưởng จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกเหนือจากการแสดงบทบาทบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศแล้ว นาย Võ Văn Thưởng ยังเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนเวียดนามในฐานะผู้นำที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน และมักจะแสดงออกถึงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของประชาชน
เขามักจะเยือนและพบปะกับประชาชนจากหลากหลายวงวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ผู้ประกอบการ หรือชาวนา นาย Võ Văn Thưởng มักจะแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในปัญหาและความต้องการของประชาชน และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อตอบสนองความคาดหวังของประชาชน
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ นาย Võ Văn Thưởng เป็นตัวอย่างของผู้นำที่สามารถนำพาประเทศผ่านช่วงเวลากล้วยไข่ได้ด้วยความมั่นคงและความชาญฉลาด
ความเป็นกลางในการทูต ความใกล้ชิดกับประชาชน และความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติ เป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ทำให้ นาย Võ Văn Thưởng เป็นบุคคลที่น่าจับตามองในเวทีการเมืองโลก
มาตรฐานชีวิตของประชาชนเวียดนามภายใต้การนำของนาย Võ Văn Thưởng
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวัดผลความสำเร็จของผู้นำประเทศอย่างแท้จริง เพราะความสำเร็จนั้นมีหลายด้านและขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ประเมิน
อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจและสังคมว่ามาตรฐานชีวิตของประชาชนเวียดนามภายใต้การนำของนาย Võ Văn Thưởng มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตัวชี้วัด | ปี 2560 | ปี 2563 | ปี 2566 |
---|---|---|---|
GDP ต่อหัว (USD) | 2,340 | 3,790 | 4,180 |
อัตราการว่างงาน (%) | 2.1 | 1.9 | 1.7 |
- ตัวเลขจาก: ธนาคารโลก
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอัตราการว่างงานที่ต่ำของเวียดนามในช่วงที่นาย Võ Văn Thưởng ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
นอกจากนั้น การลงทุนต่างชาติในเวียดนามก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อศักยภาพเศรษฐกิจของเวียดนาม
บทบาทของนาย Võ Văn Thưởng ในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ
นาย Võ Văn Thường ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่กับการแก้ปัญหาภายในประเทศเท่านั้น
เขา ยังเป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-
การสนับสนุน ASEAN: นาย Võ Văn Thưởng เป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันต่อ ASEAN และเชื่อว่าความสามัคคีของอาเซียนเป็นสิ่งจำเป็นในการเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์
-
ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา: นาย Võ Văn Thưởng พยายามสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา โดยส่งเสริมการค้า การลงทุน และความร่วมมือด้านอื่นๆ
-
ความสัมพันธ์กับจีน: นาย Võ Văn Thưởng ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับจีนเช่นกัน
เขา ยอมรับว่าจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนาม และพยายามที่จะแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยวิธีการไกล่เกลี่ยและเจรจา
นาย Võ Văn Thưởng: ตัวอย่างผู้นำที่ทรงคุณค่า
นาย Võ Văn Thưởng เป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ โอบอ้อมอารี และมีความสามารถในการนำประเทศไปสู่ความเจริญ ความเป็นกลางของเขาในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้เวียดนามสามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีกับมหาอำนาจทั้งสองได้
นอกจากนั้น การมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็ทำให้เขาได้รับความนิยมและการยอมรับจากประชาชนเวียดนามและนานาชาติ